ประวัติพิทบูล นักสู้ตลอดกาล

ประวัติ ของสายพันธ์ American Pit Bull 
มาตราฐานความเป็นมาของสายพันธ์อเมริกัน พิทบลู เทอรเรีย บรรพบุรุษของสุนัขอเมริกันพิทบลู นั้น สืบทอดเชื้อสายมาจาก IRISH และ ENGLISH PIT FIGHTING DOG ซึ่งถูกนำเข้า USA ตอนกลางศตวรรษที่ 19 ในอเมริกาสุนัขพันธ์นี้ นอกจากใช้สำหรับสู้กันแล้ว มันยังถูกนำมาใช้ในงานด้านอื่นๆ ด้วย เช่น ใช้สำหรับต้อนฝูงหมูป่า และวัวควาย ใช้เป็นสุนัขยาม สุนัขนี้ในยุคแรก ๆ จะมีขนาดเล็ก ประมาณ 15-25 ปอนด์ จนกระทั่งในประมาณกลางศตวรรษที่ 19 ในอเมริกาสามารถผสมพันธ์ได้ขนาดที่มากกว่า 50 ปอนด์ แต่ยังเป็นส่วนน้อย จากปี 1990 ถึง 1975 หรือต่อจากนั้น ขนาดของสุนัขจะใหญ่มากขึ้น โดยที่ความสามารถอื่น ๆ ไม่ได้ลดลง แต่ก็ยังมีเป็นจำนวนน้อยมาก สุนัขในปัจจุบันส่วนใหญ่ ไม่ได้มุ่งพัฒนาที่ประสิทธิภาพเหมือนในยุคแรก ๆ ซึ่งในยุคแรกๆ สุนัขในยุคแรกจะวัดคุณค่าได้เพียงอย่างเดียว จากการทดสอบเท่านั้น ปัจจุบันนี้มักจะมีคำกล่าวเป็นสัจจธรรมว่าใหญ่กว่าก็ย่อมดีกว่า ในอเมริกา เข้ามาแทนที่ การวัดผลสุนัขในวิธีดั้งเดิมและผู้เพาะพันธ์สุนัขส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย มาตราฐานในปัจจุบันจึงมีขนาดสูงกว่าเดิมประมาณ 3 นิ้ว และน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 เท่าตัว ดู ตลอดศตวรรษที่ 19 นี้ผู้คนยังเรียกชื่อสุนัขพิทบลู แตกต่างกันออกไปเช่น 1 PIT TERRIERS 2 PIT BULL TERRIERS 3 HALF AND HALF 4 STAFFORD SHIRE FIGHTING DOG 5 OLD FAMILY DOGS (ไอริส) 6 YANKEE TERRIERS (NORTHERN NAME) 7 REBEL TERRIERS (SOUTHERN NAME) UKC ได้ก่อตั้งในปี 1898โดย MR. CHAUNCY BENNET โดยวัตถุประสงค์เพื่อรับจดทะเบียนสุนัขอเมริกันพิทบลู เพียงอย่างเดียว และหลังจากนั้น ก็เริ่มรับจดทะเบียนสุนัขพันธ์อื่น ๆ
.......................................................................................................................................................
มาตรฐานสายพันธ์ โดยทั่วๆไป (UKC) 
1.ขนาด และความสูง อเมริกัน พิท บลู เทอร์เรีย ควรจะมีความสูง ประมาณ 17-18 นิ้ว สำหรับเพศเมีย และ 18-19 นิ้ว สำหรับเพศผู้ แต่มีบางตัวที่มีขนาดแตกต่าง ไปจากนี้ บางตัว อาจสูงถึง 21 นิ้ว แต่ ไม่เหมาะที่จะนำไปประกวด 
2.น้ำหนัก ในอตีดนิยมเลี้ยง พิทบลู ที่มีขนาดอยู่ระหว่าง 35 -60 ปอนด์ สำหรับเพศเมีย และ 40- 70 ปอนด์ สำหรับเพศผู้ มีส่วนน้อยมากที่มีขนาดเกิน 80 ปอนด์ ก็ไม่ผิดมาตรฐาน หากดูแล้วได้สัดส่วน มองดู สง่างาม บึกบึน 
3.ส่วนหัว สุนัข พิทบลู จะมีศีรษะ มองดูแล้วคล้าย ลิ่ม ตอนบนของ ศีรษะ ด้านระหว่าง ตาขึ้นไป จะเป็นรูปสี่เหลี่ยม แล้วมนแหลมลงมาที่ปลายจมูก จมูกควรจะมีขนาดปานกลาง มีรอยเว้าของดั้งพอประมาณ 
4.หน้าอก พิทบลู เป็นสุนัขที่แข็งแรงเกินตัว หน้าอกจึงมีความสำคัญพอสมควร สายประกวดจะต้องมีขนาดลึกและกว้าง มองดูแล้วสวยงาม น่าเกรงขาม แต่มีบางตัวที่อกเล็ก แต่ความแข็งแกร่ง ไม่ได้เป็นรองใครเลย แต่ไม่เหมาะสำหรับสนามประกวดเท่านั้น 
5.ลำคอ ลำคอควรจะมีขนาดใหญ่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ 
6.ขา ระยะห่างของขาหน้า จะกว้างมาก จะต้องตรงไม่งอ ขาของพิทบลู โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง ขาหลังจะเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ 
7.หาง หาง พิทบลู ดูแล้วค่อนข้างที่จะสั้น ไม่นิยมตัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสนามประกวด จะไม่อนุญาติให้สุนัขที่ตัดหางเข้าประกวด 
8.หู หูจะตัดหรือไม่ก็ได้ ไม่มีผลต่อคะแนน ในสนามประกวด
.......................................................................................................................................................
ปี 1910 
โคลบี้ส์ พินเชอร์ (Colby's Pinscher) 72 ปอนด์ 
นักเลี้ยง พิทบูล ในยุคนั้นต่างก็รู้จัก และอ้างถึงความสุดยอดในสายเลือดของเจ้า พินเชอร์ กันแทบทุกคน มันเป็นนักฆ่าที่โด่งดังมาก บรรดา คอก สโมสร สุนัข รวมถึงนักผสมพันธ์ ให้การยอมรับ แต่ประวัติที่ละเอียดของมัน ในยุคนั้น ไม่ได้มีการบันทึกไว้อย่างแจ่มชัดเท่าไร แต่คำว่า พินเชอร์ ในชื่อของมัน เป็นภาษาเยอร์มัน ตรงกับคำว่า เทอร์เรียในภาษาอังกฤษ มันจึงเป็นนักล่าที่เก่งกาจมาก


ปี 1919 
อาร์มิเตจส์ เคเจอร์ (Armitages Kager) 47 ปอนด์ 
อาร์มิเตจส์ เคเจอร์ สืบสายเลือดมาจาก เจ้า พินเชอร์ โดยการผสมพันธ์ ของ จอห์น โคลบี้ ชื่อเดิม Colby's Tramp เกิดเมื่อ 1 ตุลาคม 1914 เคเจอร์ เป็นสุนัขที่สตาร์ทช้ามาก มันเริ่มการแข่งขันครั้งแรกที่ อายุประมาณ 3 ปี ชนะการแข่งขันทั้งหมด 4 ครั้ง ตามประวัติเดิมเคยเป็นของคนขับรถบรรทุกเหล้า วิสกี้ เลยมีชื่อว่าเรียกกันว่า วิสกี้ เคเจอร์ มันชอบขึ้นรถตามเจ้าของไปกับนายมันใมทุกที่ ตอนหลังได้ถูกขายให้กับ นาย จอร์จ อมิเตจ และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น อาร์มิเตจส์ เคเจอร์ และเขาได้ประกาศว่า มันเป็นสุนัขที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมา Kager ตอนที่อยู่กับ นาย Harry Clark มันมีชื่อว่า Clark's Tramp ส่วนใหญ่เราจะเห็นลูกหลานมันในชื่อนี้ ในเพดดรีกรี 


ปี 1920 
ทูดอร์ส แบล็คแจ็ค (Tudor's Black Jack) 49 ปอนด์ 
เป็นสุนัขของ ท่าน เอิร์ล ทูดอร์ แบล็คแจ็ค มักถูกประกบให้ต่อสู้กับสุนัขที่หนักกว่า และใหญ่กว่าเสมอ แต่มันก็ไม่เคยแพ้เลย ชนะมาตลอด ทุกคนที่เคยเห็นการต่อสู้ของมัน ต่างให้การยอมรับ และยกย่องว่ามันเป็นนักสู้ที่สุดยอดจริงๆ แต่ไม่เคยมีการบันทึกถึงรายละเอียด เกี่ยวกับประวัติของมันและลูกหลานของมันเลย น่าเสียดายจริงๆ 


ปี 1940 
เซียร์ซี่ เจฟฟ์ (Searcy Jeff) 39 ปอนด์ 
นักเพาะพันธ์ที่มีชื่อเสียงมาก ในยุคนั้น อย่างนาย บ๊อบ วอลเลช กับ นาย บ๊อบ เฮมพ์ฮิลล์ ต่างให้การยกย่อง ว่ามันเป็นสุนัขที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมา มันเป็นนักสังหารที่เก่งกาจมากทีเดียว มันสามารถ ขบกัด หัวของคู่ต่อสู้ให้เละได้ภายในไม่กี่วินาที มันไม่เคยใช้เวลาในการต่อสู้ที่เนิ่นนานแม้แต่ครั้งเดียว มันกัดติดไม่ยอมปล่อยและสังหารคู่ต่อสู้ในที่สุด จากการต่อสู้ในสังเวียนเลือดที่ยาวนาน ทำให้มันต้องสูญเสีย เขี้ยวอันทรงพลังและอันตรายของมันไป แม้ว่าเขี้ยวจะหักไปแล้ว มันยังสามารถยังอาศัยความเจนสนาม ความทรงพลัง และความเก๋า สามารถ พิชิต สุนัข พันธ์อื่นๆ ในรูปแบบการต่อสู้ แบบ 3 รุม 1 อย่างง่ายดาย อีกด้วย มันไม่เคยแสดงอาการหวาดกล้วต่อสุนัขใดๆ เลย มันกระหายที่จะต่อสู้อยู่ตลอดเวลา และในที่สุดมันก็ถูกยกย่องว่าเป็นยอดนักสู้ตลอดกาล
ปี 1950 
คิง ค๊อตตอน (King Cotton) 39 ปอนด์ 
มันเป็นสุดยอดสุนัขในอุดมคติ ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ของ พิทบูล มันมีความสวยสง่างาม ร่าเริง รักสนุก มีความฉลาด ทุกอย่างรวมอยู่ในตัวมันทั้งหมด และ มันเองนี่แหละ เป็นตัวจุดประกายให้ ผู้คนที่รักสุนัขในยุคนั้น ต่างเสาะแสวงหา และอยากเป็นเจ้าของ พิทบูล กันแทบทุกคน ชื่อเสียงของมันเกิดจากการที่มันได้ปราบ สุนัข ที่โหด ดุ เก่ง และดังที่สุดในยุดนั้นลงอย่างง่ายดาย ภายในเวลาแค่ 31 นาที การต่อสู้ของ คิง กับ เจ้าแบล็คกี้ ได้สร้างตำนาน และทำมันให้กลายเป็น ยอดนักสู้ในทันที มันปราบสุดยอดสุนัขที่ไม่มีใครปราบลงได้ในยุคนั้น อย่างง่ายดาย ความสุดยอดของมัน คือ มันสามารถคุมเกมการต่อสู้ตั้งแต่ต้นจนจบ โดบที่เจ้าแบลคกี้ ไม่สามารถ ทำอะไรมันได้ และไม่ยอมออกมาสู้ด้วยในที่สุด


ปี 1950 
คิง ค๊อตตอน (King Cotton) 39 ปอนด์ 
มันเป็นสุดยอดสุนัขในอุดมคติ ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ของ พิทบูล มันมีความสวยสง่างาม ร่าเริง รักสนุก มีความฉลาด ทุกอย่างรวมอยู่ในตัวมันทั้งหมด และ มันเองนี่แหละ เป็นตัวจุดประกายให้ ผู้คนที่รักสุนัขในยุคนั้น ต่างเสาะแสวงหา และอยากเป็นเจ้าของ พิทบูล กันแทบทุกคน ชื่อเสียงของมันเกิดจากการที่มันได้ปราบ สุนัข ที่โหด ดุ เก่ง และดังที่สุดในยุดนั้นลงอย่างง่ายดาย ภายในเวลาแค่ 31 นาที การต่อสู้ของ คิง กับ เจ้าแบล็คกี้ ได้สร้างตำนาน และทำมันให้กลายเป็น ยอดนักสู้ในทันที มันปราบสุดยอดสุนัขที่ไม่มีใครปราบลงได้ในยุคนั้น อย่างง่ายดาย ความสุดยอดของมัน คือ มันสามารถคุมเกมการต่อสู้ตั้งแต่ต้นจนจบ โดบที่เจ้าแบลคกี้ ไม่สามารถ ทำอะไรมันได้ และไม่ยอมออกมาสู้ด้วยในที่สุด

ปี 1960 
กูฟฟี้ (Goofy) 49 ปอนด์ 
มองจากรูปร่างแล้วเจ้า กูฟฟี้ เป็นสุนัขที่มองดูแล้ว เหมาะที่จะใช้ประกวดมากกว่าใช่แข่งในเกมส์กัดกัน แต่มันก็สามารถ พิสูจน์ ให้เห็นแล้วว่า รูปร่างมันไม่ได้เกี่ยวกับความสามารถ มันสุดยอดที่สุดทั้งสองสนาม มันเป็นสุนัข ที่ฉลาดมาก ในเกมส์ มันโชว์พลังการกัด และความแข่งแกร่ง ของมันว่าไม่ได้มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับสรีระ ของมันเลย มันไม่ได้มีความบึกบึนอย่างที่สุนัขนักสู้ควรจะเป็น แต่มันบุกกัดคู่ต่อสู้ให้ถอยร่นจนไม่เป็นขบวน และสร้างปรากฏการ ของความแข็งแกร่ง ที่ตรงข้ามกับความคาดหมายของบรรดาเซีบน ทั้งหลาย ที่สำคัญมันเป็นแชมป์ทั้ง เวทีการต่อสู้ และการประกวด เจ้าของมันคือ นาย ลู จอห์นสตัน เขาได้ไปพบกับมันในขณะที่มัน กำลังถล่ม สุนัขอีกตัวที่ใหญ่กว่ามันมาก และพิชิตเจ้ายักษ์ ตัวนั้นในที่สุด
GR.CH.MAYDAY ROM 


เจ้าสุนัขตัวนี้เป็น Dog Of The Year 1996 ของ Southern Kennel นะครับ 
เจ้าสุนัขตัวนี้ จะเป็นอื่นไปไม่ได้ เพราะมันคือ GR.CH.MAYDAY ROM นั่นเอง มาเริ่มเรื่องกับเจ้าเมย์เดย์ เลยนะครับ Mayday กับ พี่น้อง มีความน่ารักทุกตัว รูปร่างกำยำ สมส่วน เวลายืนดูงามสง่า ไม่รู้จักคำว่ากลัว เมย์เดย์ เป็นจ่าฝูง .ชอบเบ่งกล้าม..แยกเขี้ยวขู่ใส่พื้นที่ใน Southern Kennel กลายเป็นอาณานิคมของเขา ทันทีที่ปล่อยลงพื้นเมย์เด หัวโต หูยาว ชอบชวนทะเลาะ มาตั้งแต่เล็ก..เขาชอบทำคอเชิด..เอียงไหล่ เหมือนกับจะบอกว่า.ข้าก็คน นะเฟ้ย.ย..!!!เมย์เดเป็นลูกหมาที่มีความสุขมาก เล่นซนได้ทั้งวัน..อย่างไม่รู้จักเหน็ด จักเหนื่อย.. 
ครั้งแรกที่พา ไปลงเล่นใน Pit เราให้ เมย์เด ขึ้นครูกับ Ch. Leroy สายเลือด Paladin เข้มข้น .อาจารย์ Lee มีปาก เกินกิโล ..อ.ลี เปิดชั้นเรียน ด้วยการ...ทาบตะปู เข้าที่หน้าอกของเมย์เด.. แล้วตอกใส่หนักๆ .ด้วยความฉลาดหัวไว..ต้องเลียน แบบอาจารย์..เมย์เด เอามั่ง.. งับปากขันตะปูเกลียวใส่ หมวกของ อ.ลี.. แล้ว งัดออก..!!< .ศิษย์คิดล้างครู..>เมย์เดย์..เล่นพิเรนทร์.. ทำฉี่รดพื้น.He was PISSED!!..พอนึกขึ้นได้..มันรีบพุ่งปากคาบเอา Ch. Leroy มากด ..สบัดทำถูไป ถูมา เป็นผ้าเช็ดพื้น..จนเรา ต้องรีบหยุด..มิ ฉะ นั้น.....ลมหายใจของ Ch. Leroy..จะต้องหยุดแน่นอน Of Course Ch. Leroy.. กินเยอะกว่า..ตั้ง 9 Lps..:ถือว่า ไม่แฟร์ สำหรับ -- แต่Mayday SCREAMED, in the corner ? He really was impressive.?ลูกสิดทรยศ ร้อง งิ. งิ. อยู่ที่มุม..มันบอกว่า.. ...อาจาน งับ..ซาหนุกมาก จิง.จิง..~!! 
Match Record. 
For #1 เราเปิด ใส่กับ SLK & Dennis L?s High Voltage ( 2X ) ที่ Catch Weight ไม่เอาตาชั่ง.แมทช์นี้พิเศษมากเพราะวงการ กำลังคึกคักมีโพสท์ลงบอร์ดสายโชว์ก็ยังเอาไปลง ครั้งนี้เราพา 3 นักรบไปพร้อมกัน คือ ..Mayday ...ครั้งแรก Choice? ครั้งแรกLeroy 1Xเราไปถึง PR.Pertorico ยามดึก ตีสองของคืนวันจันทร์ Choice กับ Leroy 1X ชนะทั้งคู่.Choice เอาชนะ ลูกสาว ปากจัดของ Garner?s Frisco ROM เหลือแต่เมย์เด จะออกศึกในวันศุกร์..เมื่อกลับถึงบ้านรู้สึกว่าคืนนี้เงียบผิดปกติ..ทุกครั้ง ที่เรามา เมย์เดจะร้องวู้..เห่ากระโชก ด้วยความดีใจว่าจะได้เล่นอีกแล้ว..แต่เมื่อเอาไฟฉาย ส่องดู..ผมสะดุ้งเพราะเมย์เด อยู่กับหมา อีกตัวหนึ่งนอนตายอยู่ในรัง.เป็นน้องของ SK?s Xuxa หลุดโซ่ออกมา เข้าใจว่าพอมองเห็นกัน เมย์เดกัดพังรั้วต่อรั้ว ไปลากเอาน้องของ Xuxa เข้ามาฟัด ผมไม่สียดายเจ้าตัวเล็กที่ตายไป แต่จะทำอย่างไร!! กับเวลาอีกเพียงสี่วัน!! เมื่อล้างตัวเสร็จเราขังเขาใว้ในห้องมืดให้น้ำ ให้อาหารเต็มที่ ตอนเช้าพาไปเดินเริ่มดูดีขึ้น..อีกวันถัดมา ก็ทำแบบเดียวกัน..เป็นอุบัติเหตุ ที่ยอมรับว่า เสียความมั่นใจปากต้องล้าแน่ เพราะกัดรั้วไม้กับขย้ำหมาอีกตัวจนตาย..